รู้หรือไม่ ? กว่าจะได้ปิโตรเลียมให้เราใช้ จะต้องผ่านขั้นตอนการดำเนินงาน ดังต่อไปนี้

1. ช่วงการสำรวจ : กำหนดให้มีระยะเวลาการสำรวจไม่เกิน 6 ปี และขอต่อระยะเวลาสำรวจได้อีก 1 ครั้ง ไม่เกิน 3 ปี ตามกฎหมาย
เริ่มตั้งแต่การศึกษาข้อมูลทั่วไปของพื้นที่ เช่น การศึกษาข้อมูลการสำรวจที่เคยมีมาก่อน ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม หรือการออกภาคสนาม เพื่อกำหนดพื้นที่ในการสำรวจทางธรณีฟิสิกส์เบื้องต้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถกำหนดขอบเขตของแอ่งสะสมตะกอนได้
หลังจากนั้นจึงกำหนดขอบเขตให้แคบลง เพื่อทำการสำรวจวัดคลื่นไหวสะเทือนในการหาพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่ามีปิโตรเลียมสะสมตัวอยู่
เมื่อได้พื้นที่เป้าหมายแล้วจึงทำการเจาะสำรวจปิโตรเลียม ซึ่งเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะทำให้ทราบได้ว่าพื้นที่เป้าหมายนั้นมีปิโตรเลียมสะสมตัวอยู่หรือไม่
หากการเจาะสำรวจปิโตรเลียมประสบผลสำเร็จ พบปิโตรเลียมสะสมตัวอยู่ ก็จะทำการเจาะหลุมประเมินผล เพื่อให้ทราบขอบเขตของแหล่งปิโตรเลียมนั้น ๆ และประเมินปริมาณทรัพยากรปิโตรเลียม โดยจะเข้าสู่ช่วงการพัฒนาเป็นแหล่งผลิตปิโตรเลียมต่อไป
ทั้งนี้ หากในขั้นตอนการเจาะสำรวจ ไม่พบปิโตรเลียม ก็จะต้องกลับไปทบทวนข้อมูลเพื่อหาพื้นที่เป้าหมายใหม่หรือคืนพื้นที่แก่รัฐ
2. ช่วงการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม : กำหนดให้ผู้รับสัมปทานมีระยะเวลาผลิตปิโตรเลียม 20 ปี และขอต่อระยะเวลาผลิตได้อีก 1 ครั้งไม่เกิน 10 ปี ตามกฎหมาย
โดยหลังจากทำการสำรวจจนพบแหล่งปิโตรเลียมแล้ว ก็จะเข้าสู่ช่วงการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม เพื่อทำการผลิตปิโตรเลียมซึ่งผู้รับสัมปทานต้องเริ่มทำการผลิตปิโตรเลียมตามแผนภายใน 4 ปี นับแต่วันที่ได้รับอนุมัติพื้นที่ผลิต
หากผู้รับสัมปทานไม่เริ่มทำการผลิตปิโตรเลียมภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมสำหรับพื้นที่ที่ได้กำหนดให้เป็นพื้นที่ผลิตนั้นสิ้นสุดลง
ซึ่งเริ่มตั้งแต่การเข้าพื้นที่เพื่อก่อสร้างฐานผลิต/แท่นผลิต ติดตั้งอุปกรณ์การผลิต และเจาะหลุมผลิตเพิ่มเติม เพื่อผลิตปิโตรเลียม ขึ้นมาจากหลุมให้ได้
ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้รับสัมปทานประสงค์จะขอขยายระยะเวลาเริ่มทำการผลิตปิโตรเลียมออกไปจากกำหนดเวลา 4 ปี ดังกล่าว สามารถทำได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ปี
สำหรับการผลิตปิโตรเลียมขึ้นมาใช้ประโยชน์ จะผ่านกระบวนการแยกน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ น้ำ และสิ่งเจือปนอื่น ๆ ออก จนได้ปิโตรเลียมที่มีคุณภาพตามที่โรงกลั่นต้องการ
**หมายเหตุ : ระยะเวลาการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเป็นไปตามพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ.2514 และฉบับแก้ไข พ.ศ.2532
วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม 2567 เวลา 13.30 น. นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานเปิดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เตรียมความพร้อมสำหรับพิธีจัดทำน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมด้วย นายราชัน มีน้อย ว่าที่ร้อยตรีกิตติภพ รอดดอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ข้าราชการทุกหมู่เหล่า จิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน นักศึกษา ประชาชนจิตอาสา ร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง ในการนี้ นายวิชาญกรณ์ ประภาวิทย์ พลังงานจังหวัดระนอง มอบหมายให้ นางสาวสารภี ชัญถาวร นักวิชาการพลังงานชำนาญการ พร้อมด้วยข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพลังงานจังหวัดระนอง ร่วมกิจกรรมดังกล่าว ณ วัดสุวรรณคีรีวิหาร พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดระนอง
วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.15 น. ณ ห้องประชุมสำนักงานพลังงานจังหวัดระนอง โดย นายวิชาญกรณ์ ประภาวิทย์ พลังงานจังหวัดระนอง เป็นประธานการประชุมเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพลังงานจังหวัดระนอง เพื่อติดตามและรายงานผลการดำเนินงาน ประจำเดือนตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย พร้อมทั้งมอบค่าตอบแทนการปฏิบัติงานพิเศษ และมอบรางวัลเจ้าหน้าที่ดีเด่น ประจำเดือน มิถุนายน 2567
?? สรุปสาระสำคัญแผนพัฒนาพลังงานทดแทน และพลังานทางเลือก (Alternative Energy Development Plan) ??เป้าหมาย - เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 36% ภายในปี 2580 - บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 ?? แผนการส่งเสริมพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก - กำหนดเป้าหมายการใช้พลังงานสะอาด เพื่อทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล ในภาคส่วนต่าง ๆ - ส่งเสริมพลังงานทางเลือกรูปแบบใหม่ เช่น พลังงานไฮโดรเจน เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน - สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนภายใต้เงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อม ?? ประโยชน์ที่จะได้รับ ด้านเศรษฐกิจ - สร้างรายได้ทางการเกษตรจากการส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพ ไม่น้อยกว่า 41,000 ล้านบาท /ปี - เกิดการลงทุนมูลค่าไม่น้อยกว่า 1.3 ล้านล้านบาท ด้านสังคม - ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ต้องพึ่งพาจากภายนอกเพียงอย่างเดียว - พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงพลังงาน - สนับสนุนให้เกิดองค์ความรู้ และนำไปสู่การสร้างนักวิจัย ด้านสิ่งแวดล้อม - ช่วยลดการปล่อย CO2 ในภาคพลังงานได้ไม่น้อยกว่า 75 mtCO2 ในปี 2580 เทียบกับปี 2565 - สนับสนุนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG Model ที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาไปพร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อม