วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการผลิตไฟฟ้า เขื่อนลำตะคองชลภาวัฒนา ซึ่งเป็น โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยได้ลงนามในสมุดเยี่ยมชม พร้อมชมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่อยู่ใต้ดินทั้ง 4 เครื่อง ซึ่งปัจจุบันสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 1,000 เมกะวัตต์ (MW) สามารถเสริมสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาอย่างต่อเนื่อง
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม ที่จังหวัดนครราชสีมา จึงถือโอกาสมาตรวจเยี่ยมโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับลำตะคองของกฟผ.และการผลิตไฟฟ้าท้ายเขื่อน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกฟผ. และกรมชลประทาน เพื่อติดตามการทำงาน รวมถึงรับทราบถึงศักยภาพการผลิตและปัญหาต่างๆ ของโรงไฟฟ้าแห่งนี้
ทั้งนี้ จากการได้เยี่ยมชมโรงไฟฟ้าแบบสูบกลับแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย พบว่า โรงไฟฟ้าแห่งนี้ สามารถเสริมศักยภาพการจ่ายไฟให้กับประชาชนในช่วงในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง(peak) ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีกำลังการผลิตถึง 1,000 MW
“อย่างที่ทราบกันดีว่าเรากำลังผลักดันในเรื่องพลังงานสะอาด ด้วยการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งการผลิตไฟฟ้าจากน้ำ เป็นพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดไม่ก่อให้เกิดมลภาวะมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า น้ำที่ปล่อยจากเขื่อนก็ไม่สูญเปล่า สอดคล้องกับพัฒนาและนำศักยภาพจาก ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง และยังสร้างความมั่นคงด้านพลังงานอีกด้วย"
ทั้งนี้ ในระหว่างที่นายพีระพันธุ์ กำลังกราบสักการะพระพุทธสิริสัตตราชหรือหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่เหนืออ่างพักน้ำเขายายเที่ยง ได้เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกรด 2 ชั้น ขึ้นเหนืออ่างพักน้ำอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ยากจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ในระหว่างเดินทางกลับลงมาจากอ่างพักน้ำเขายายเที่ยง ยังปรากฏ ‘งูจงอาง’ ขนาดใหญ่แผ่แม่เบี้ยอยู่กลางถนน และชูคอแผ่แม่เบี้ยอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งขบวนรถแล่นผ่าน จึงเลื้อยกลับเข้าป่าไป ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์ได้สร้างความฮือฮาให้กับคณะผู้ร่วมเดินทางในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
สำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำลำตะคองฯ เป็นโรงไฟฟ้าใต้ดินพลังน้ำแบบสูบกลับ แห่งแรก และแห่งเดียวในประเทศไทย ตั้งอยู่ใกล้กับเขื่อนลำตะคอง ทำงานโดยการสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองของกรมชลประทานไปเก็บไว้ที่อ่างพักน้ำบนเขายายเที่ยง ซึ่งมีความจุ 9.9 ล้านลูกบาศก์ ในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อยหรือช่วงกลางคืนถึงเช้า และเมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงในช่วงกลางวันถึงค่ำ จะปล่อยน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้า และปล่อยลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองเหมือนเดิม
โรงไฟฟ้าพลังน้ำลำตะคองฯ ระยะที่ 1 ก่อสร้างระหว่างปี 2537 - 2547 ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจำนวน 2 เครื่อง ขนาด 250 MW รวม 500 MW และ จ่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ (COD) เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2547
ส่วนระยะที่ 2 ก่อสร้างระหว่างปี 2559-2562 ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจำนวน 2 เครื่อง ขนาด 250 MW รวม 500 MW และ COD เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2562 ปัจจุบันผลิตไฟฟ้าได้เต็ม 1,000 MW และสามารถจ่ายไฟได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง
ทั้งนี้ พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ตั้งแต่ ปี 2547-2566 รวทั้งสิ้น 6,317 ล้านหน่วย ขณะที่ 6 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-มิถุนายน) ผลิตได้ 134 ล้านหน่วย
นอจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังได้เยี่ยมชมอ่างพักน้ำตอนบนเขายายเที่ยง และชมทุ่งกังหันลม ในโครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้าลำตะคองระยะที่ 2 ของกฟผ. ซึ่งนอกจากการผลิตไฟฟ้าแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแบบ Unseen ของจังหวัดนครราชสีมาอีกด้วย
โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อโรงไฟฟ้าพลังน้ำลำตะคองแบบสูบกลับว่า “โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา” มีความหมายว่า โรงไฟฟ้าลำตะคองเป็นที่พัฒนาแสงไฟด้วยน้ำ ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปเปิดโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556 นับเป็นโรงไฟฟ้าแห่งสุดท้ายในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามอันเป็นสิริมงคล
วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.15 น. ณ ห้องประชุมสำนักงานพลังงานจังหวัดระนอง โดย นายวิชาญกรณ์ ประภาวิทย์ พลังงานจังหวัดระนอง เป็นประธานการประชุมเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพลังงานจังหวัดระนอง เพื่อติดตามและรายงานผลการดำเนินงาน ประจำเดือนตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย พร้อมทั้งมอบค่าตอบแทนการปฏิบัติงานพิเศษ และมอบรางวัลเจ้าหน้าที่ดีเด่น ประจำเดือน มิถุนายน 2567
วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม 2567 นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมด้วย นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ว่าที่ร้อยตรีกิตติภพ รอดดอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นางสุพิณญา นิรามัยวงศ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดระนอง ข้าราชการทุกหมู่เหล่า ตุลาการ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และพสกนิกรชาวระนอง เข้าร่วมในพิธี ในการนี้ นายวิชาญกรณ์ ประภาวิทย์ พลังงานจังหวัดระนอง มอบหมายให้ นางสาวนพรจน์ ทองบุญยัง วิศวกรชำนาญการ ร่วมพิธีดังกล่าว ณ พระอุโบสถ วัดสุวรรณคีรีวิหาร พระอารามหลวง จังหวัดระนอง
รู้ก่อน ปลอดภัย ป้องกัน ไฟฟ้าลัดวงจรในช่วงหน้าฝน ช่วงฝนตก มักเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรมากกว่าปกติ วันนี้ กระทรวงขอนำเสนอวิธีป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจรที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้ ? ไม่ควรใช้หรือแตะต้องเครื่องใช้ไฟฟ้าขณะตัวเปียก กรณีที่เครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่นอกตัวบ้าน หรือตัวเปียกจากข้างนอกแล้วเข้ามาในบ้าน สิ่งที่ต้องทำคือหาพื้นที่แห้งหรือเช็ดมือให้แห้ง ก่อนที่จะสัมผัสกับปลั๊กสวิตช์ไฟ รวมถึงไม่ควรสัมผัสกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในขณะที่ตัวเปียกโดยตรง ? ตรวจเช็คสายไฟให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เก่าหรือชำรุด อาจทำให้เกิดการช็อตหรือลัดวงจรได้ ยิ่งเมื่อฝนตกหรือน้ำท่วมไปถึงสายไฟต่างๆ ที่วางเอาไว้ อาจทำอันตรายคุณได้ ? ติดตั้งเครื่องตัดไฟอัตโนมัติ ป้องกันไฟรั่วและไฟฟ้าลัดวงจร เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในกรณีที่มีน้ำท่วมขังหรือความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน การติดตั้งอุปกรณ์ตัดไฟอัตโนมัติ เป็นทางออกที่ดี เพื่อการตัดวงจรกระแสไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดการช็อตหรือลัดวงจร ? ยกเครื่องใช้ไฟฟ้าขึ้นที่สูง ไม่อยู่ติดพื้นหากมีการรั่วซึมของน้ำ เผื่อกรณีน้ำรั่วซึมจากหลังคาและหยดลงมาบนพื้นบ้าน หากเครื่องใช้ไฟฟ้ามีกระแสไฟรั่วไหล จะทำอันตรายต่อผู้ที่เดินไปมาบริเวณนั้น จึงควรย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ให้สูงขึ้นจากพื้น ไม่ให้ถูกน้ำโดยตรง ? ใช้ปลั๊กไฟที่ได้มาตรฐานและไม่ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเยอะ ไม่ควรเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเต็มปลั๊กพ่วงทุกช่อง เพราะเสี่ยงทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรจากความร้อนสูงสะสมในสายไฟ รวมถึงหลีกเลี่ยงการเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กำลังไฟมากพร้อมกัน เช่น เตารีด (กำลังไฟ 430-1,600 วัตต์) กระติกน้ำร้อน (กำลังไฟ 300-600 วัตต์) ไมโครเวฟ (กำลังไฟ 300-1,500 วัตต์) เพราะเป็นการใช้งานเกิดขนาดพิกัดทำให้เกิดความเสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจรได้ ดังนั้น เราควรระมัดระวังการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ดี เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้ามครับ